Menu
หน้าแรก
ดูบอลสด
ตารางบอลวันนี้
ตารางบอลพรุ่งนี้
ผลบอลย้อนหลัง
ทายผลบอล
ข่าววันนี้
ข่าวเด่นวันนี้
ข่าวพรีเมียร์ลีค
ข่าวลาลีกา
ข่าวบุนเดสลีกา
ข่าวกัลโซ่ ซีเรียอา
ข่าวลีกเอิง
ข่าวไทยพรีเมียร์ลีก
ข่าวยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ข่าวยูโรป้า
ข่าวฟุตบอลโลก
ลิ้งดูบอล
คลิปไฮไลท์
ไฮไลท์ฟุตบอลอุ่นเครื่อง
ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก
ไฮไลท์ลาลีกา
ไฮไลท์บุนเดสลีกา
ไฮไลท์กัลโซ่ ซีเรียอา
ไฮไลท์ลีกเอิงฝรั่งเศษ
ไฮไลท์ไทยพรีเมียร์ลีก
ไฮไลท์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ไฮไลท์ยูโรป้า
ผลบอล
ดูทีวีออนไลน์
วิเคราะห์บอล
ตารางคะแนน
พรีเมียร์ลีค
แชมเปี้ยนชิพอังกฤษ
ลาลีกา
บุนเดสลีกา
กัลโซ่ซีเรียอา
ลีกเอิงฝรั่งเศส
ไทยพรีเมียร์ลีก
ไทยดิวิชั่น1
Holland Eredivisie
บุนเดสลีก้า2 เยอรมัน
ลาลีกา2 สเปน
ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกส
เว็บบอร์ด
ไฟเบอร์ยี่ห้อไหนดี 2023 ช่วยขับถ่าย แก้ท้องผูก ควรกินตอนไหนให้ถูกวิธี
อาหารเสริมไฟเบอร์ คืออะไร
ไฟเบอร์ คือ ใยอาหาร หรือกากใยอาหาร พบมากในผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งตัวกากใยนี้ไม่สามารถย่อยได้ในทางเดินอาหารของเรา จึงถูกขับมาพร้อมกับอุจจาระ แม้ร่างกายจะไม่ได้รับสารอาหารหรือพลังงานจากไฟเบอร์ แต่ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อระบบขับถ่าย โดยใยอาหารจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
- ใยอาหารที่ไม่ละลายในน้ำ (Insoluble Fiber) เป็นใยอาหารที่มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำได้มาก เมื่อรับประทานเข้าไปจึงทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว หากเข้าไปอยู่ในลำไส้จะไม่สลายตัว แต่จะไปเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น จึงสามารถขับถ่ายได้ง่ายและรวดเร็ว ไฟเบอร์ชนิดนี้พบมากในรำข้าว ข้าวโพด ขนมปังโฮลวีต ถั่วเปลือกแข็ง ผัก ผลไม้ เป็นต้น
- ใยอาหารที่ละลายในน้ำ (Soluble Dietary Fiber) เป็นใยอาหารที่เมื่อละลายน้ำแล้วจะพองตัวให้มีคุณสมบัติหนืดข้นคล้ายเจล ทำให้เคลื่อนตัวไปสู่ลำไส้ได้ช้า จึงรู้สึกอิ่มนานขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการดูดซึมไขมันในอาหาร มีผลต่อการลดคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลได้ พบมากในธัญพืชที่ขัดสีน้อย ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ส้ม ฝรั่ง ลูกพรุน เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้คนไทยแต่ละวัยควรได้รับใยอาหารในปริมาณต่อวัน ดังนี้
เด็ก ควรได้รับใยอาหารโดยคำนวณจาก อายุ+5 = จำนวนกรัมต่อวัน เช่น ปริมาณใยอาหารที่เด็กอายุ 10 ขวบ ควรได้รับ คือ 10+5=15 กรัมต่อวัน
ผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรได้รับใยอาหารประมาณ 25 กรัมต่อวัน
อาหารเสริมไฟเบอร์ มีประโยชน์อย่างไร
ไฟเบอร์มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
- ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร แก้ปัญหาท้องผูก ไม่ถ่ายหลายวัน ให้กลับมาขับถ่ายเป็นปกติ
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคริดสีดวงทวาร เนื่องจากทำให้อุจจาระนิ่มและมีขนาดใหญ่พอทำให้ลำไส้บีบตัวและขับถ่ายออกมาเอง ไม่ต้องออกแรงเบ่ง
- กำจัดของเสียและทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร
- ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดอาการหิวระหว่างมื้ออาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะทำให้ถ่ายง่ายขึ้นและไม่มีของเสียหมักหมมในร่างกาย
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง จึงควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาหารเสริมไฟเบอร์ เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ท้องผูกบ่อย ถ่ายยาก ขับถ่ายไม่ตรงเวลา
- ผู้ที่ไม่ชอบกินหรือกินผัก-ผลไม้น้อยเกินไป หรือกินอาหารที่มีกากใยน้อย
- ผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ลำไส้ ทำความสะอาดทางเดินอาหาร
ไฟเบอร์ควรกินตอนไหน
ไฟเบอร์สามารถกินได้ทุกช่วงเวลา แต่ถ้าหากต้องการกระตุ้นการขับถ่ายเป็นพิเศษ ควรกินช่วงก่อนนอน จะเห็นผลหลังจากที่กินประมาณ 8-12 ชั่วโมง หรือก็คือช่วงเช้า ประมาณ 05.00-07.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ใหญ่เริ่มขับกากอาหารออกจากร่างกาย
ไฟเบอร์กินทุกวันได้ไหมมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
- ไม่ควรกินอาหารเสริมไฟเบอร์ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ร่างกายเคยชิน และไม่สามารถขับถ่ายได้เองตามปกติ ดังนั้นหากช่วงไหนไม่ได้กินไฟเบอร์ก็ควรกินผัก-ผลไม้ให้มากขึ้น
- หลังรับประทานอาหารเสริมไฟเบอร์ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะการอุดตันของลำไส้
- การกินไฟเบอร์มากเกินไปในคราวเดียวอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและท้องอืด หรือท้องเสียได้ในบางคน จึงควรกินในปริมาณน้อย ๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มตามลำดับ
- ถ้ากินไฟเบอร์เยอะเกินไปจะทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก ได้น้อยลง
- สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ถ้ากินไฟเบอร์มากเกินไปจะทำให้สารอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้า และอาจทำให้ท้องผูกในที่สุด
- การกินอาหารเสริมไฟเบอร์อาจมีผลต่อการดูดซึมและการออกฤทธิ์ของยาบางชนิด ดังนั้นควรเว้นระยะห่างในการรับประทานอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมไฟเบอร์
- อาหารเสริมไฟเบอร์บางชนิดจะมีระบุในฉลากว่าห้ามเด็กและสตรีมีครรภ์รับประทาน เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้
- หากกินอาหารเสริมไฟเบอร์แล้วมีอาการท้องผูก ท้องเสียที่ผิดปกติ ควรหยุดรับประทานก่อน
- ผู้ป่วยบางโรค เช่น เบาหวาน ลำไส้อุดตัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมไฟเบอร์
วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมไฟเบอร์
- เลือกซื้ออาหารเสริมไฟเบอร์ที่ตรงกับความต้องการ เช่น หากต้องการแก้ท้องผูก ควรเลือกยี่ห้อที่มีเส้นใยไม่ละลายน้ำเพื่อให้ขับถ่ายคล่องขึ้น หรือหากต้องการให้อิ่มเร็ว ลดการดูดซึมไขมัน ควรเลือกยี่ห้อที่มีเส้นใยละลายน้ำ หรือถ้าอยากแก้ท้องผูกและกินแล้วอิ่มนานขึ้นด้วย สามารถเลือกแบรนด์ที่มีไฟเบอร์ทั้ง 2 แบบเป็นส่วนผสม
- ดูปริมาณไฟเบอร์ในซอง โดยปริมาณไฟเบอร์ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป จะอยู่ที่ประมาณ 25 กรัมต่อวัน (25,000 มิลลิกรัม) แต่ถ้าเราได้รับไฟเบอร์สูงมากกว่า 50 กรัมต่อวัน จะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องอืด รวมทั้งขัดขวางการดูดซึมพวกวิตามินและเกลือแร่บางชนิดด้วย
- เลือกตามรูปแบบอาหารเสริมที่ชอบหรือตามความสะดวกในการกิน เช่น ถ้าชอบกินแบบง่าย ๆ พกพาไปไหนได้ แนะนำให้เลือกแบบแคปซูลหรือเจลลี่ แต่หากมีปัญหาเรื่องการกลืนก็สามารถเลือกแบบผง ซึ่งมีทั้งแบบชงน้ำดื่มและแบบโรยบนอาหารหรือเครื่องดื่ม
- เลือกจากส่วนผสมที่มีสารสกัดจากไฟเบอร์ธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของยาถ่าย เนื่องจากหากกินไปเรื่อย ๆ แล้วระบบลำไส้จะเสียสมดุล ไม่สามารถขับถ่ายได้เอง และอาจต้องกินไปตลอด ซึ่งเป็นอันตรายต่อลำไส้
- เลือกส่วนผสมที่มีอินนูลิน พรีไบโอติก และโพรไบโอติก เพิ่มเข้ามา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบย่อยอาหารให้สมดุล
- เลือกรสชาติที่ชอบหรือไม่มีรสชาติเลยก็ได้ ถ้าต้องการนำมาโรยบนอาหารหรือผสมในเครื่องดื่ม
เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล และควรมองหาแบรนด์ที่ใส่สารให้ความหวานอย่างอื่นแทนน้ำตาล โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- ตรวจสอบข้อมูลบนกล่องของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนี้
☆ อ่านฉลากหลังกล่องว่ามีเลข อย. หรือไม่เพื่อความปลอดภัย
☆ มีการระบุส่วนผสมของไฟเบอร์หรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบอ้างหรือโดนหลอก
☆ ระบุวิธีการใช้และวิธีเก็บรักษา
☆ ตรวจสอบวันหมดอายุ และบรรจุภัณฑ์ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่ว เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
ตอบคำถาม
ตั้งคำถามใหม่
โพสต์โดย : POPCORN
เมื่อ 29 พ.ย. 2566 06:00:41 น. อ่าน 50 ตอบ 0
Member
Login
ลืมรหัสผ่าน
|
สมัครสมาชิกใหม่
ดูฟุตบอลออนไลน์