ทุกครั้งที่เราทำตามเป้าหมายสำเร็จ เรามักจะมีเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายขึ้นเสมอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องระลึกไว้ คือ
“ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรจิรังยั่งยืน ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป” เมื่อเราได้ในสิ่งที่เราต้องการ เราต้องยอมรับว่าความสุขจะอยู่กับเราในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และจะถูกแทนที่ด้วยความต้องการหาความสุขจากสิ่งใหม่
อย่างไรก็ตามชีวิตไม่ได้มีเพียงความสุขที่เราได้จากการทำบางอย่างสำเร็จเท่านั้น
(เพราะเรามีความต้องการที่ไม่จบสิ้น) แต่เป็นการได้ทำอะไรสักอย่างที่มีความหมายระหว่างการเดินทางไปยังเป้าหมายต่างหาก เพราะไม่ว่าเราจะยึดติดกับความสุขและสนุกสนานกับชีวิตมากขนาดเพียงใด สุดท้ายแล้วมันก็จะลดลงและจากเราไป เหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ดี ความสุขในใจที่เป็นฝ่ายให้ การได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นและใช้ชีวิตอย่างมีความหมายเท่านั้น
ถ้าปัจจุบันเราไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ แต่เรายังกัดฟันทนทำสิ่งนั้นอยู่ เพียงเพราะกลัวที่จะก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้น ยิ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง อย่าปล่อยให้ความกลัวที่จะล้มเหลวรั้งเราไว้ อย่าปล่อยให้มันปิดโอกาสในการตามล่าหาความฝันของเรา
การที่เรามีความสุขทุกครั้งที่ทำสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายได้สำเร็จนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เคยคิดหรือไม่ว่าหรือจริง ๆ แล้วเราก็อยากเป็นเพียงแค่ผู้ให้บ้าง
อย่างที่เราเห็นว่าความสุขที่แท้จริงนั้นย่อมได้มาจากการทำตัวให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้อื่นและการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์มีจุดเริ่มต้นมาจากการเปลี่ยนวิธีการคิดของเราเอง
เราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่มีผลกระทบมากมาย มันอาจจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ เช่น การช่วยคนชราข้ามถนน การให้เงินสนับสนุนเลี้ยงดูเด็กกำพร้า การเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือช่วยเพื่อนร่วมงานของเรา อะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจที่ได้ทำมัน นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว
“ความสุข” เป็นคำที่แต่ละคนให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไป เราไม่ควรปล่อยให้สังคมเป็นตัวกำหนดนิยามความสุขให้กับเรา แต่เราควรค้นหาความหมายของมันด้วยตัวของเราเอง